วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

ดองหน่อไม้ ขายส่ง

ยำหน่อไม้ดอง
ดองหน่อไม้ขายส่งตามตลาดนัดเป็นอาชีพเสริม เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยครบ เพราะยังไงหน่อไม้ดองก็ยังเป็นอาหารที่คนไทยเราชื่นชอบไม่ว่าจะนำมาแกงส้ม แกงกระทิ หรือพริกแกง ก็อะไรได้ทั้งนั้น อีกอย่างหน่อไม้ยังเก็บไว้ได้นานด้วย ทำให้ไม่ขาดทุนจากของเสีย การทำก็ไม่ยาก ไม่รบกวนเวลาเรามากนัก แค่ดองทิ้งไว้ เมื่อได้ที่แล้วนำไปส่งที่ร้าน ทางที่ดีเราควรไปคุยกับลูกค้าไว้ก่อนก็ดี ว่าเราจะเอาดองไม่ดองมาส่งวันนี้วันนั้น จะได้ไม่เสียเที่ยวและของเหลือ ซึ่งไม่ดีแน่เลยครับ
     ตัวหน่อไม้ดองเองแม้จะอร่อยแต่ไม่ค่อยมีคุณค่าทางอาหาร แต่ยังมีประโยชน์อยู่บางคือ จะมีแบคทีเรียในหน่อไม้ดองที่ชื่อว่า คลอสทริเดีย เป็นแบคทีเรียที่ปนอยู่ในดิน เจริญเติบโตได้ดีในสภาวะไร้ออกซิเจน เช่น ในอาหารจำพวกของหมักดองทั้งหลายและรวมทั้งอาหารกระป๋องที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการทำลายแบคทีเรียอย่างถูกวิธี แบคทีเรียชนิดนี้มีพิษแต่มันก็มีประโยชน์ ซึ่งสำนักงานอาหารและยา หรือ FDA ของสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้นำแบคทีเรียนี้ไปผ่านกระบวนการแยกเอาสารพิษออกแล้วทำให้เจือจาง เพื่อนำไปใช้ในการบำบัดรักษาโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ โดยตั้งชื่อใหม่ว่า โบท็อก (Botox) (ซึ่งโบท็อกก็คือสารหน้าเด้งที่พวกดาราทั้งหลายไปฉีดเพื่อลดรอยเหี่ยวและย่นนั้นล่ะค่า)

ส่วนผสมหน่อไม้ดอง
หน่อไม้ 10 กิโลกรัม
เกลือเม็ด 1 กิโลกรัม
แป้งข้าวเจ้า 1/2 กิโลกรัม

วิธีทำ 
นำหน่อไม้มาปอกเปลือก และล้างให้สะอาด
หลังจากนั้น ให้หั่นหน่อไม้บางๆ หรือสับให้เป็นเส้น
เมื่อเตรียมหน่อไม้เรียบร้อยแล้ว ให้นำหน่อไม้ไปแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน
เมื่อได้ 1 คืนแล้ว ให้ตักขึ้นมาให้สะเด็จน้ำ
นำเกลือเม็ด มาละลายกับน้ำ
นำหน่อไม้มาเคล้ากับแป้งให้ทั่ว แล้วอัดลงในปิ๊บ เทน้ำเกลือลงไปให้ท่วมหน่อไม้ หมักไว้ 1 อาทิตย์เตรียมส่งตลาดได้เลย
เคล็ดลับ เติมน้ำส้มสายชูลงไปด้วย เพื่อให้หน่อไม้ขาวสวยน่ากินขึ้น

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

ทำกะปิขายเป็นอาชีพเสริม

กะปิในกระปุก

กะปิ ภาคใต้เรียกว่า เคย ซึ่งทำมาจากตัวเคย ตัวเคยลักษณะคล้ายกุ้งตัวเล็กๆ สีแดงๆ อยู่กันเป็นกลุ่มก่อนเหมือนไรน้ำยังไงยังงั้น ตัวเคยนี้แหละคือหัวใจสำคัญในการทำกะปิชั้นเลิศ ขายกะปิอีกหนึ่งใน 108อาชีพทำเงิน ที่สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้เพราะทำไม่ยากอย่างที่คิด สมัยก่อนไม่ค่อยมีคนซื้อกะปิกินกันหลอก เพราะแต่ละบ้านเขาก็ทำกินกันเองหมด วิธีทำแสนจะง่าย ไม่ยุ่งยาก และที่สำคัญสะอาดแน่นอน กะปิมีสามารถใช้ประกอบอาหารได้มากมาย อย่างเช่น น้ำพริกกะปิที่เรารู้จักกันดี กะปิหวานชิมมะม่วง ไก่คั่วกะปิ ใส่ในแกงส้ม แกงกะทิ ข้าวคลุกกะปิ อีกมากมาย ส่วนใหญ่เขาจะใช้ตัวเคยทำกันแต่เพื่อน ๆ รู้ใหมว่าจริง ๆ แล้ว กุ้งน้ำจืดก็สามารถทำกะปิได้นะ อร่อยไม่แพ้กัน ลองดูครับ บทความนี้อาจจะโดนใจเพื่อนๆ ก็เป็นได้

ส่วนผสม
1.                   กุ้งฝอย 5 กิโลกรัม
2.                   เกลือ 5 ถ้วย

วิธีทำ
·                     เอากุ้งฝอยล้างให้สะอาด เลือกเศษใบไม้ต่าง ๆ ออกให้หมด
·                     นำกุ้งไปคลุกกับเกลือให้ทั้ง ทิ้งไว้ 1 คืน
·                     เอากุ้งมาโขลกให้ละเอียด
·                     แล้วปั้นให้เป็นแผ่นกลม ๆ ขนาดประมาณฝ่ามือ
·                     นำไปผึ่งแดด 1 วัน แล้วก็เอากลับมาโขลกอีกครั้ง และปั้นเหมือนเดิม ตากแดดอีก 2 วัน
·                     นำเอามาโขลกอีกครั้งแล้วก็เก็บเข้าโหล เก็บไว้อีก 2 เดือนก็กินได้เลย

ถ้าเพื่อน ๆ อย่างทำขายกะปิละก็ ก็ลองทำดูก่อนไม่แน่จากอาชีพเสริมอาจจะกลายเป็นอาชีพหลักก็ได้ในอนาคต ยังไงซะ คนไทยก็ไม่เลิกกินกะปิหลอก เหมือนส้มตำปลาร้ายังไงยังงั้น

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

ขนมไข่เต่า อาชีพเสริมตอนเย็น


ขนมไข่เตา/ไข่นกกระทา
ขนมไข่เตาเคี้ยวดึบๆ อร่อยดี หาซื้อตามตลาดนัดได้ไม่ยาก เพราะด้วยรสชาติที่ถูกปากคนไทย ทำให้ขายง่าย พ่อค้าแม่จึงนิยมขายกัน ถ้าคนที่งานประจำอยู่ยังไม่อยากออกจากงาน ก็สามารถนำมาทำเป็นอาชีพเสริมหลังเลิกงานก็ได้ หรือจะทำในช่วงเทศกาลต่างๆ ก็ได้ สำหรับช่วงเทศกาลนท้องถิ่น น่าจะดีไม่น้อยถ้าเราจะมีอาชีพเสริมช่วงเทศกาลนี้  ขนมไข่เต่า หรือบางท่านอาจจะเรียกขนมไข่นกกระทาทอดกรอบ ซึ่งเป็นขนมดั้งเดิมมีรสชาติอร่อย กรอบ หวาน มัน และเป็นขนมที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี
  อาชีพขายขนมไข่เต่าถือเป็นอีกหนึ่งใน108อาชีพทำเงิน เป็นอาชีพที่ง่ายและไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายเลยครับ สำหรับบางท่านที่ต้องการลงทุนซื้อรถมอเตอร์ไซต์พ่วงมาขายก็สะดวกและขายง่ายมากๆ เพราะจะสามารถตระเวนไปได้ทุกที่ หรือเมื่อมีงานเทศกาลต่างๆ เราก็จะสะดวกและรวดเร็วกว่าการตั้งขายแบบหน้าร้านครับ 
ส่วนผสมขนมไข่เต่า
1. แป้งมัน
2. แป้งสาลีอเนกประสงค์
3. น้ำตาลทราย
4. หัวกะทิ
5. เกลือป่น
6. มันเทศ 1 หัว
7. ไข่ไก่ 2 ฟอง
8. ผงฟู
วิธีทำขนมไข่เต่า
-  นำมันเทศมาปลอกเปลือก และล้างในน้ำให้สะอาด แล้วนำไปนึ่งให้สุก
-  พอได้มันเทศนึ่งสุกแล้วให้นำมาบดให้ละเอียด แล้วผสมแป้งมันลงไปแค่ครึ่งหนึ่งของมันเทศ จากนั้นก็นำแป้งสาลีใส่ลงไป 1/3 ส่วนของแป้งมัน
- นำไข่ที่เตรียมไว้ และเลือกเอาเฉพาะไข่แดงแล้วใส่ลงไปรวมกันกับมันเทศบดและแป้งที่ผสมไว้แล้ว
- ใส่น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงไปเล็กน้อย
- นวดแป้งและส่วนผสมต่างๆ ให้เข้ากัน และให้ใส่หัวกะทิลงไปตอนนวดแป้งทีละน้อย นวดจนให้สามารถจับปั้นได้
- ใส่ผงฟูลงไป 1 ช้อนชา พักแป้งที่นวดกับมันเทศไว้ครึ่งชั่วโมง และนำมาปั้นเป็นเม็ดกลมขนาดเท่าไข่นกกระทา
- ตั้งกระทะใส่น้ำมัน รอให้น้ำมันเดือดได้ที่ แล้วใส่ไข่นกกระทาหรือไข่เต่าที่ปั้นไว้ลงไปทอด
- ใช้ตะแกรงกดขนมระหว่างทอด เพื่อให้ฟูขึ้น ทอดให้เหลือง กรอบ จากนั้นตักขึ้นจากน้ำมัน รอให้สะเด็ดน้ำมัน ก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมรับประทาน


วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

อาชีพเสริม ขายทุเรียนกัน


รวย
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีกลิ่นและรสชาติเป็นเอกลักษณ์ มีสักกี่คนที่ไม่ชอบกินทุเรียน ขนาดผมเป็นคนที่จะมีปัญหาสุขภาพเมื่อกินอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน แต่พอเห็นทุเรียนก็อดใจไม่ กินทุกทีเลย กินแล้วก็กินซะเยอะ บางท่านอาจจะไม่ชอบรับประทานเพราะกลิ่นของมันและอีกอย่าง บรรดาสาวๆ ก็กลัวอ้วน เพราะความหวานมัน อร่อยของเจ้าทุเรียนนี้และ แต่ทุเรียนก็มีประโยชน์นะ ด้วยรสหวานของทุเรียน ทำให้เกิดความร้อน แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝี-หนอง แห้ง และเนื้อทุเรียนมีฤทธิ์ขับพยาธิด้วย ประโยชน์ก็ OK อยู่นะ
ภูมิปัญญาของไทยสมัยโบราณเรา นำทุเรียนมาแปรรูปเป็นสินค้าต่างๆ หลายอย่าง เช่น ทุเรียนหมอนทองอบกรอบ ทุเรียนทอดกรอบ ทุเรียนกวน ข้าวเกรียบทุเรียน ไอศครีมทุเรียน หน้าสนใจนะ รวมถึงการนำทุเรียนไปเป็นส่วนผสมของยาบางชนิด ยิ่งปรุงเป็นอาหารหวานได้เป็นอย่างดี เมล็ดก็ยังรับประทานนะครับ ต้มให้สุกก็กินได้เลย จำได้ตอนเด็กๆ แม่ต้มให้กินอร่อยดี  นอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้วยังสามารถอาชีพเสริม สร้างรายได้ให้ผู้คนมากมาย ตั้งชาวสวนชาวไร่ พ่อค้าแม่ค้า
อาชีพขายทุเรียน อันดับแรกต้องดูให้ได้ว่าทุเรียนแก่ กินได้หรือยัง วิธีสังเกตุ
1. สังเกตก้านผล ก้านผลจะแข็งและมีสีเข้มขึ้น เมื่อลูบจะรู้สึกสากมือ เมื่อจับก้านผลแล้วแกว่งผลทุเรียน จะรู้สึกว่าก้านผลทุเรียนมีสปริงมากขึ้น ก้านผลบริเวณปากปลิงจะบวมโต เห็นรอยต่อชัดเจน
2. สังเกตหนาม ปลายหนามแห้ง มีสีน้ำตาลเข้ม เปราะและหักง่าย ดังนั้น เมื่อมองจากด้านบนของผลจะเห็นหนามเป็นสีเข้ม หนามมีลักษณะกว้างออก ร่องหนามห่าง เวลาบีบปลายหนามเข้าหากันจะรู้สึกว่า มีสปริง
3. สังเกตรอยแยกระหว่างพู ผลทุเรียนที่แก่จัดจะสังเกตเห็นรอยแยกบนพูได้อย่างชัดเจน ยกเว้นบางพันธุ์ที่ปรากฏไม่เด่นชัด เช่น พันธุ์ก้านยาว
4. การชิมปลิง ผลทุเรียนที่แก่จัด เมื่อตัดขั้วผลหรือปลิงออก จะพบน้ำใสซึ่งไม่ข้นเหนียวเหมือนในทุเรียนอ่อน และเมื่อใช้ลิ้นแตะชิมดูจะมีรสหวาน
5. การเคาะเปลือกหรือกรีดหนาม เมื่อเคาะเปลือก ผลทุเรียนที่แก่จัดจะมีเสียงดังหลวมๆเนื่องจากมีช่องว่างระหว่างเปลือกและ เนื้อภายในผล เสียงหนักหรือเบาแตกต่าง กันไป ขึ้นอยู่กับพันธุ์และอายุของต้นทุเรียน
6. การปล่อยให้ทุเรียนร่วง ปกติดอกทุเรียนแต่ละรุ่นในแต่ละต้นจะบานไม่พร้อมกัน และมีช่วงต่างกันไม่เกิน 10 วัน ดังนั้น เมื่อมีผลทุเรียนในต้นเริ่มแก่ สุก และร่วง ก็เป็นสัญญาณเตือนว่า ผลทุเรียนที่เหลือ ในรุ่นนั้นแก่แล้ว สามารถเก็บเกี่ยวได้
7. การนับอายุ โดยนับอายุผลเป็นจำนวนวันหลังดอกบาน เช่น พันธุ์ชะนี ใช้เวลา 100-105 วัน พันธุ์หมอนทองใช้เวลา 125-130 วัน การนับวันหรืออายุของผลจะแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละปี และในแต่ละท้องถิ่น ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ เช่น ถ้าปีใดมีอุณหภูมิเฉลี่ยค่อนข้างสูง ผลทุเรียนจะแก่เร็วกว่าปีที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า

ทุเรียนสามรถขายได้ตลอดทั้งปี แต่ราคาจะขึ้นลงตามฤดูกาล สายพันธุ์ที่นิยมขายกันก็จะมี พันธุ์หมอนทอง กับชะนีครับ ที่ขายง่ายพราะเป็นที่นิยมกัน ลูกค้าจะชอบซื้อหมอนทองมากกว่า เพราะมีเนื้อที่หวานอร่อย แต่ชะนีจะมีราคาถูกกว่า ราคาของทุเรียนหมอนทองถ้าช่วงหน้าทุเรียนราคาก็ประมาณ 45-50-60 บ./กิโล ส่วนราคาของทุเรียนสายพันธฺุ์ชะนีราคาประมาณ 35-40-50 บ./กิโล เพราะทุเรียนก็มีเกรดA เกรดB แตกต่างกัน ข้อควรระวัง การหาซื้อทุเรียนจากไร่ที่เรารู้จัก หรือมีคนแนะนำว่าดีจริง เพราะอาจจะเจอทุเรียนคุณภาพไม่มามาก ก็อาจจะขาดได้นะครับ ก็ต้องสังเกตุด้วยนะครับ แหล่งขายทุเรียนก็จะมี จังหวัดนนทบุรีบ้าง ระยอง จันทบุรี หรือไม่ก็ทางใต้มีนะครับ